บทวิจารณ์หนัง The Hunger Games: Mockingjay Part 1
พร้อมด้วยตราบใดหนังในภาคนี้ไม่มีสนามประลองแห่งเกมล่าชีวิตอยู่อีกต่อไป ภายหลังจากการแข่งขันอันเข้มข้นใน Quarter Quell ครั้งล่าสุด ที่สาวน้อยผู้มากับไฟ แคทนิส เอเวอร์ดีน หรือ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นั้นได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงขึ้น ด้วยกันมันได้นำมาซึ่งจุดเริ่มต้นที่แท้สุทธิของสงครามที่แท้จริง ที่เธอจักไม่ยอมสยบต่อแคปปิตอลอีกถัด
ซึ่งมีแคทนิสในฐานะสัญลักษณ์ของ ม็อคกิ้งเจย์ จะเป็นผู้นำในการลุกขึ้นต่อต้านครั้งนี้ร่วมกับ
- เกล ใช่ไหม เลียม เฮมส์เวิร์ธ ที่เป็นเพื่อนรักจากเขต 12
- ฟินนิค เพื่อนร่วมเกมจาก Quarter Quell
- และ คนที่สาม คือพลูตาร์ช เกมเมคเกอร์ที่ขอหักหลังแคปิตอล
โดยทีทุกอย่าง นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะครั้งชายหนุ่มที่เคยต่อสู้เคียงข้างเธออย่างพีต้า เมลลาร์ค ไม่ก็ จอช ฮัทเชอร์สัน ต้องถูกแคปปิตอลจับเป็นตัวประกัน
กับสิ่งที่น่าสนใจก็คือภาคนี้เคทนิสเองถูกผลักดันขึ้นมาเป็นตัวแทนผู้นำในการต่อต้านกับแคปปิตอล ซึ่งเอาเข้าเป็นแน่แท้แล้วตัวเธอเองก็เพิ่งจักบอบช้ำมาจากการที่ต้องรู้ความจริงๆว่าพีต้าถูกสโนว์จับตัวไปเป็นตัวประกัน ทำให้ความสับสนพร้อมด้วยความซับซ้อนทางอารมณ์ของแคทนิสถูกเปิดปูดออกมาให้ผู้ชมเห็นว่าเธอก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่ยังคงหวาดกลัวการถูกคุกคามอยู่ดี
พร้อมทั้งอันที่สุทธิแล้วแผนการปฏิวัติจะเกิดขึ้นด้วยกันเป็นผลสำเร็จไม่ได้เลยถ้าสมมติว่าตัวแคทนิสเองไม่ยอมต่อต้าน กฎ ในเกมล่าชีวิตภาคแรก นั่นยังไม่รวมไปถึงการที่เธอเร่ำลือกจักยิงธนูใส่สนามพลังในภาคถัดมา กับแน่นอนปางไฟแห่งการปฏิวัติถูกจุดให้ติดขึ้นแล้ว กลุ่มผู้ต่อต้านจึงคิดว่าแคทนิสนี่แหละคือ สัญลักษณ์ ในการปลุกระดมมวลชนให้เห็นคล้อยตามไปกับพวกเขา กับการเลิกจำนนต่อการปกครองแบบเอารัดเอาเปรียบของแคปปิตอล
แต่ว่าอย่างไรก็ตามความสนุกอีกอย่างนอกจากฝาแอ็คชั่นในตัวอย่างหนังใหม่ภาคนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าเขต 13 ไม่ก็ กลุ่มผู้ต่อต้านพร้อมด้วยแคปปิตอล โดย ประธานาธิบดีสโนว์ นั้นได้ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Propaganda หรือไม่ก็โฆษณาชวนเชื่อในการสร้าง เหตุผล เพื่อโน้มน้าวมวลชนของตัวเองให้คล้อยตามไปกับสิ่งที่พวกเขาพยายามจักสื่อสารออกไป
เพราะด้วยที่เขต 13 นั้นพยายามจักใช้แคทนิสเป็นม็อกกิ้งเจย์สัญลักษณ์แห่งอิสรภาพในการปลดเปลื้องพันธนาการจากแคปปิตอล ในขณะที่ทางแคปปิตอลเองก็ใช้เชลยอย่างพีต้าในการพูดให้ทางแคทนิสใจอ่อนและเกิดความไม่มั่นใจเพราะว่าเป็นห่วงในสวัสดิภาพของคนรัก ใช่ไหมเพื่อนรัก อย่างพีต้า
เพราะว่าที่ตัวละคร อย่างประธานาธิบดี อัลม่า คอยน์ เหรอ จูลี่แอนน์ มัวร์ นั้นก็จัดได้ว่าเธอเป็นตัวละครที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบครั้งยิ่งใหญ่ในการปกป้องผู้คนที่เธอต้องดูแล อย่างที่ทราบกันดีว่าเขต 13 นั้นในความเข้าใจของแคปปิตอลนั้นมันเป็นเขตที่หายสาบสูญไปจากแผนที่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการถ่ายทอดบท ผู้นำ ของจูลี่ก็เรียกได้ว่าทรงพลังไม่แพ้กับแคทนิสเลยเช่นกัน
พร้อมด้วยที่นอกเหนือไปจากนี้ 1 ในฉากที่ดีที่สุดกับชวนลุ้นระทึกที่สุดในหนังมาใหม่เรื่องก็คงหนีไม่พ้นที่บังตาเข้าไปชิงตัวประกันที่เรียกได้ว่า ผู้กำกับอย่างฟรานซิส ลอว์เรนซ์อาจจะคุมจังหวะในการเร้าอารมณ์ผู้ชมให้ลุ้นตามไปกับกลุ่มหน่วยกล้าตายของเกล ในการบุกเข้าไปในตึกของแคปปิตอล ตัดสลับกับการเจรจาถ่วงเวลาระหว่างแคทนิสกับประธานาธิบดีสโนว์
เพราะภาพรวมของโปรแกรมหนังเรียกได้ว่ายังคงดูสนุก แม้ว่าบางส่วนที่เยิ่นเย้อก็เก่งตัดออกไปได้ แต่ก็เข้าใจเจตนาในการหั่นหนังเป็นสองภาคเพราะปัจจัยหนึ่งก็มาจากเรื่องเงินรายได้ น่าเสียดายที่ไคลแมกซ์ของเรื่องแม้ว่าอาจจะไม่ได้ลุ้นจนตัวโก่ง แต่มันก็ตะโกรงจะทำให้ผู้ชมทะเยอทะยานจักชม PART 2 ไวๆ เหมือนกัน
@พริตตี้ปลาสลิด
ยกให้ 3.5 คะแนนจาก 5 คะแนน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น